ข้อมูลผู้ประเมิน
ข้อมูลผู้ประเมิน
✍️ ชื่อ นายสมเกียรติ นามสกุล รองประโคน
📝ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ
สถานศึกษา โรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม อำเภอประโคนชัย
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์
รับเงินเดือนในอันดับ คศ.3
อัตราเงินเดือน 47,700 บาท
ประเภทห้องเรียนที่จัดการเรียนรู้ ห้องสามัญ
ข้าพเจ้าขอแสดงเจตจำนงในการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานตำแห่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ ซึ่งเป็นตำแหน่งและวิทยฐานะที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันกับผู้อำนวยการสถานศึกษา ไว้ดังต่อไปนี้
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 16 ชั่วโมง/สัปดาห์ดังนี้
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชา ท33102 .จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชา I20202 จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนผู้บำเพ็ญประโยชน์ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
ชุมนุมทำการบ้าน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวมจำนวน 16 ชั่วโมง/สัปดาห์ดังนี้
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชา ท33101 .จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
กลุ่มสาระการเรียนรู้/รายวิชา I20201 จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนผู้บำเพ็ญประโยชน์ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
ชุมนุมส่งเสริมทักษะภาษาไทย จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 3 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์
1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์
ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ คือ การริเริ่ม พัฒนา การจัดการเรียนรู้และการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังในวิทยฐานะที่สูงกว่าได้)
สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
จากรายงานการวิเคราะห์ปัญหาในการเรียนภาษาไทย โรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม ( 2561 : 34) ได้ให้ข้อเสนอแนะในการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้วรรณคดีและวรรณกรรมว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นสื่อที่เหมาะสม สามารถส่งเสริมการแสวงหาความรู้ และเป็นนวัตกรรมที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล นักเรียนได้ศึกษาด้วยตนเอง ทราบผลการเรียนรู้ได้เมื่อเรียนจบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความกระตือรือร้น ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพในการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับ ประเสริฐ สำเภารอด (2552 : 16) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของชุดกิจกรรมไว้ว่า ชุดกิจกรรมที่ใช้ในการเรียนการสอนช่วยเร้าความสนใจให้นักเรียนเกิดการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคล เพราะชุดกิจกรรมสามารถช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามความสามารถ ความถนัด ความสนใจ สร้างความพร้อม และความมั่นใจให้แก่ครูผู้สอน ส่งผลให้ครูสอนได้เต็มประสิทธิภาพ นับได้ว่าชุดกิจกรรมการเรียนรู้เป็นนวัตกรรมที่ผู้เรียนให้ความสนใจ มีความพึงพอใจ และเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี
วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล
ศึกษาทฤษฎีและรูปแบบของการสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้จากเอกสาร งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ศึกษาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะของผู้เรียน และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ จากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาและหลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนประโคนชัยพิทยาคม เกี่ยวกับเนื้อหา เวลาเรียน การวัดและประเมินผล วิเคราะห์ขอบข่ายเนื้อหาสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อกำหนดเนื้อหาสาระการเรียนรู้ ที่จะนำมาสร้างชุดกิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยวิเคราะห์วรรณคดี โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้วรรณคดีเชิงมโนทัศน์ เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างสาระการเรียนรู้กับตัวชี้วัด นำชุดกิจกรรมการเรียนรู้และแผนการจัดการเรียนรู้ ไปประเมินคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญประเมิน ปรับปรุงพัฒนา และนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ โดยสร้างความเข้าใจกับนักเรียนที่สอน ทำการทดสอบความสามารถในการคิดวิเคราะห์ก่อนเรียน ดำเนินการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ ทำการทดสอบความสามารถในการคิดวิเคราะห์หลังเรียน และสอบถามความพึงพอใจ ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง
3.1 เชิงปริมาณผู้เรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ หน่วยวิเคราะห์วรรณคดี มีทักษะการคิดวิเคราะห์ สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 และผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้การคิดวิเคราะห์วรรณคดี โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบบันได 5 ขั้น ร่วมกับเทคนิคการตั้งคำถามแบบ อาร์-ซี-เอ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในระดับ มาก ขึ้นไป
3.2 เชิงคุณภาพผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ สามารถวิเคราะห์วรรณคดี และปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
กิจกรรมการเรียนรู้ตามประเด็นท้าทาย